การดูแลรถกระบะให้อยู่ในสภาพดีนั้น จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสมรรถนะ ความทนทาน และความสามารถในการลากจูง ให้รถสามารถรับมือกับการใช้งานประจำวันรวมถึงงานที่หนักเป็นพิเศษ เริ่มจากเครื่องยนต์: เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 5,000-7,500 กิโลเมตร (หรือตามที่คู่มือกำหนด) โดยใช้ความหนืดตามคำแนะนำ น้ำมันเครื่องที่สะอาดช่วยปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์จากการสึกหรอ ซึ่งสำคัญมากสำหรับรถกระบะที่มักใช้ลากจูงหรือบรรทุกของหนัก ตรวจสอบและเปลี่ยนตัวกรองอากาศทุก 15,000-30,000 กิโลเมตร เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญเชื้อเพลิงและสมรรถนะเครื่องยนต์ สำหรับระบบเกียร์ ให้ตรวจสอบระดับของเหลวทุกเดือน และเปลี่ยนของเหลวตามกำหนดของผู้ผลิต ซึ่งสำคัญมากสำหรับรถกระบะที่ใช้ในการลากจูง เพราะความร้อนอาจทำให้ของเหลวในระบบเกียร์เสื่อมสภาพตามเวลา การดูแลยางเป็นสิ่งสำคัญ: หมุนยางทุก 5,000-7,500 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกหรออย่างเท่าเทียมกัน ตรวจสอบแรงดันลมในยางทุกสัปดาห์ (รวมถึงยางอะไหล่ด้วย) และเปลี่ยนยางเมื่อความลึกดอกยางต่ำกว่า 4/32 นิ้ว เพื่อรักษาการยึดเกาะ โดยเฉพาะสำหรับรถกระบะที่ต้องขับบนพื้นผิวขรุขระ การตรวจสอบระบบเบรกก็สำคัญไม่แพ้กัน; ตรวจสอบผ้าเบรกและจานเบรกทุก 15,000 กิโลเมตร เนื่องจากน้ำหนักตัวรถกระบะที่มากกว่า ทำให้ระบบเบรกต้องรับแรงกดดันมากกว่า อย่าลืมตรวจสอบใต้ท้องรถ—ล้างรถอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำจัดเกลือ โคลน และเศษสิ่งสกปรกที่อาจก่อให้เกิดสนิม โดยเฉพาะหากใช้รถกระบะในพื้นที่หิมะตกหรือทางออฟโรด สุดท้าย ปฏิบัติตามกำหนดการบำรุงรักษาของผู้ผลิตสำหรับการตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น ระบบช่วงล่าง ระบบพวงมาลัย และระบบไฟฟ้า เพื่อตรวจจับปัญหาแต่เนิ่นๆ ด้วยการดูแลที่สม่ำเสมอ รถกระบะจะยังคงไว้เนื้อเชื่อใจได้และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเป็นเวลานาน