รถอเนกประสงค์ (SUVs) ที่มีมูลค่าการขายต่อสูงสุดนั้นมักมีลักษณะเด่น ได้แก่ ชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ความน่าเชื่อถือ และความต้องการในตลาดรถมือสอง ซึ่งช่วยให้เจ้าของสามารถรักษามูลค่าการลงทุนครั้งแรกไว้ได้มากเมื่อถึงเวลาที่จะขายหรือแลกซื้อคันใหม่ โตโยต้าเป็นแบรนด์ที่ผลิตรถอเนกประสงค์ที่มีมูลค่าการขายต่อมากที่สุด โดยเฉพาะรุ่น RAV4 และ 4Runner ที่นำหน้าตลาดด้วยความทนทาน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อย และความนิยมที่กว้างขวาง ทำให้รถรุ่นเหล่านี้มักจะรักษามูลค่าไว้ที่ 50-60% หลังจากใช้ไป 5 ปี ฮอนด้าก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีรถอเนกประสงค์ที่รักษามูลค่าได้ดี เช่น รุ่น CR-V ซึ่งได้รับประโยชน์จากฐานลูกค้าที่ภักดี ความประหยัดเชื้อเพลิง และประวัติการใช้งานที่มีปัญหาทางกลน้อย จึงมีมูลค่าการขายต่อสูง สุซูกิยังมีรถอเนกประสงค์ที่รักษามูลค่าได้ดี ได้แก่ รุ่น Forester และ Outback ซึ่งติดอันดับรถที่มีมูลค่าการขายต่อสูง เนื่องจากมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาตรฐาน ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย และความนิยมจากกลุ่มคนรักกิจกรรมกลางแจ้งที่ชื่นชอบความหลากหลายในการใช้งานในสภาพอากาศต่างๆ แบรนด์หรูอย่างเล็กซัส โดยเฉพาะรุ่น RX ก็รักษามูลค่าการขายต่อได้สูงเช่นกัน ด้วยการผสมผสานระหว่างฟีเจอร์ระดับพรีเมียมและความน่าเชื่อถือที่สืบทอดมาจากบริษัทแม่อย่างโตโยต้า ทำให้รถรุ่นเหล่านี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถหรูมือสอง รถจี๊ป รุ่นแรนกล러 (Wrangler) เป็นรถที่โดดเด่นในกลุ่มออฟโรด ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่ยอดเยี่ยม และกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น ทำให้รถรุ่นนี้รักษามูลค่าได้ดีกว่ารถคู่แข่งหลายรุ่นในดัชนีการขายต่อ ปัจจัยที่ช่วยให้รถอเนกประสงค์มีมูลค่าการขายต่อสูง ได้แก่ อัตราการเสื่อมค่าต่ำ ความต้องการสูง คะแนนความน่าเชื่อถือที่ดี และประวัติการเรียกคืนน้อย เนื่องจากองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้รถน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อรถมือสอง สำหรับผู้บริโภค การเลือกซื้อรถอเนกประสงค์ที่มีมูลค่าการขายต่อสูงเป็นการตัดสินใจทางการเงินที่ชาญฉลาด เพราะช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม และให้ความยืดหยุ่นเมื่อต้องการอัปเกรดไปสู่รถคันใหม่